นับจำนวนผู้เข้าชม(counter)

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วิธีทำกล้วยไข่เชื่อม


เครื่องปรุงกล้วยไข่บวชชี
กล้วยไข่ 8 ลูก
กะทิ 1 ½ ถ้วย
น้ำตาลทราย ½ ถ้วย
น้ำเปล่า ½ ถ้วย
เกลือป่น ½ ช้อนชา



วิธีทำกล้วยไข่บวชชี
1. นำกล้วยไข่มาปลอกเปลือกแล้วแบ่งครึ่ง พักไว้ จากนั้น เปิดกะทิกระป๋อง ตักส่วนบนของกะทิแบ่งออกมาเป็นหัวกะทิประมาณ ½ ถ้วย


2. นำกะทิที่เหลือมาใส่หม้อ ใส่น้ำเปล่าลงไป แล้วนำมาตั้งเตาที่ไฟปานกลาง รอจนกะทิเดือดก็ใส่เกลือและน้ำตาลลงไป


3. นำกล้วยที่หั่นไว้ใส่ลงไป รอจนกะทิเดือดอีกครั้งก็นำหัวกะทิที่แบ่งไว้ใส่ลงไป คนให้เข้ากันและชิมรสตามชอบ


4. เมื่อกะทิเดือดได้ที่แล้วก็ปิดเตาและยกลงได้ ตักใส่ถ้วย จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ

สหรัฐอเมริกา


สหรัฐอเมริกา (อังกฤษ: United States of America) หรือมักย่อว่า สหรัฐ หรือ อเมริกา เป็นสหพันธรัฐประชาธิปไตย ปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญ ประกอบไปด้วยรัฐ 50 รัฐ มีพื้นที่ครอบคลุมส่วนใหญ่ของทวีปอเมริกาเหนือ มีพรมแดนติดต่อ กับแคนาดาทางทิศเหนือ และเม็กซิโกทางทิศใต้ ส่วนพรมแดนทางทะเลนั้นติดต่อกับแคนาดา รัสเซียและบาฮามาส โดยมีมหาสมุทรแปซิฟิก ทะเลแบริง มหาสมุทรอาร์กติก มหาสมุทรแอตแลนติก อ่าวเม็กซิโก และทะเลแคริบเบียนเป็นผืนน้ำล้อมรอบ นอกจากนี้ยังมีดินแดนบางส่วนในแคริบเบียน และมหาสมุทรแปซิฟิกอีกด้วย

สหรัฐอเมริกามีพื้นที่ขนาด 9.63 ล้านตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 308 ล้านคน ทำให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 หรือ 4 ของโลก และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก เป็นประเทศซึ่งมีความแตกต่างหลากหลายในเชื้อชาติและวัฒนธรรม อันเป็นผลมาจากการอพยพจากหลายประเทศ[7] เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเป็นเศรษฐกิจระดับชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีอัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ เมื่อปี พ.ศ. 2551 กว่า 14.4 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ (อัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศคิดเป็นร้อยละ 15 ของโลก และอยู่ในอันดับที่ 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ)[3]

ชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกา ซึ่งอาจสืบเชื้อสายมาจากชาวเอเชีย ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในสหรัฐอเมริกาแผ่นดินใหญ่มาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว ประชากรชนพื้นเมืองอเมริกันเหล่านี้ลดจำนวนลงอย่างมากหลังจากการยึดครองอาณานิคมของชาวยุโรป สหรัฐอเมริกาถูกก่อตั้งโดยสิบสามอาณานิคมของอังกฤษ ซึ่งมีทำเลอยู่ตามฝั่งทะเลแอตแลนติก เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2319 ชาวอเมริกันประกาศอิสรภาพ ซึ่งเป็นการอ้างสิทธิ์ในการกำหนดชะตาของตนเอง และการสร้างสหภาพความร่วมมือขึ้น รัฐซึ่งก่อการจลาจลสามารถเอาชนะราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ในสงครามประกาศอิสรภาพสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นอาณานิคมแห่งแรกที่ประกาศอิสรภาพได้สำเร็จ[8] อนุสัญญาฟิลาเดลเฟียได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกาฉบับปัจจุบัน เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2330 การปรับใช้อนุสัญญาดังกล่าวมีผลให้รัฐต่าง ๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐเดี่ยว และขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางที่มีอำนาจเด็ดขาด

ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 สหรัฐอเมริกาได้ดินแดนเพิ่มเติมจากฝรั่งเศส สเปน สหราชอาณาจักร เม็กซิโก และรัสเซีย และผนวกดินแดนรวมกับสาธารณรัฐเท็กซัสและสาธารณรัฐฮาวาย ความขัดแย้งระหว่างรัฐกสิกรรมทางตอนใต้และรัฐอุตสาหกรรมทางตอนเหนือ เหนือสิทธิของรัฐ และการขยายจำนวนของทาสได้นำไปสู่สงครามกลางเมืองอเมริกา เมื่อราวคริสต์ทศวรรษ 1860 ชัยชนะของฝ่ายเหนือได้ป้องกันการแบ่งแยกประเทศอย่างถาวร และยุติการค้าทาสตามกฎหมายในสหรัฐอเมริกา ในราวคริสต์ทศวรรษ 1870 เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกานับว่าใหญ่ที่สุดในโลก[9] และสงครามสเปน-อเมริกันและสงครามโลกครั้งที่หนึ่งได้เน้นย้ำถึงสถานภาพทางทหารของสหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกาก้าวขึ้นมาจากสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นประเทศแรกซึ่งมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครอง และเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หลังจากการสิ้นสุดของสงครามเย็นและการยุบสหภาพโซเวียต ส่งผลให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นรัฐอภิมหาอำนาจเดี่ยวของโลก สหรัฐอเมริกามีรายจ่ายทางทหารคิดเป็นกว่าร้อยละ 40 ของรายจ่ายทางทหารทั่วโลก และเป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของโลก[10]

ประวัติพันท้ายนรสิงห์


พันท้ายนรสิงห์ มีนามเดิมว่า สิงห์ แต่ก่อนท่านก็เป็นนักมวยที่เก่งมากและก็เคยขึ้นชกกับพระเจ้าเสือมาแล้ว แต่ว่าเสมอกัน พระเจ้าเสือรู้สึกประทับใจจึงให้เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็ก แล้วเลื่อนขึ้นมาเป็นราชองครักษ์


พันท้ายนรสิงห์ เป็นนายท้ายเรือพระที่นั่งเอกไชยอยู่ในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ ที่ ๘ (พระเจ้าเสือ) ได้รับ ยกย่องว่าเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดีและรักษาระเบียบวินัยยิ่งชีวิต


เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ปรากฏ อยู่ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับต่างๆ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ใน พ.ศ.๒๒๔๖ - ๒๒๕๒ สมเด็จพระสรรเพชญ์ ที่๘ ประพาสปากน้ำสาครบุรี (ปัจจุบันคือจังหวัดสมุทรสาคร) เพื่อทรงเบ็ด ด้วยเรือพระที่นั่งเอกไชย มีพันท้ายนรสิงห์เป็นนายท้าย พันท้ายนรสิงห์เป็นชาวบ้านนรสิงห์ แขวงเมืองอ่างทอง การเสด็จประพาสปากน้ำสาครบุรีในครั้งนี้ เมื่อเรือพระที่นั่งไปถึงตำบลโคกขามคลองบริเวณดังกล่าวมีความคดเคี้ยวมาก พันท้ายนรสิงห์พยายามคัดท้ายเรือพระที่นั่งอย่างระมัดระวังแต่ไม่อาจหลบเลี่ยงอุบัติเหตุได้ หัวเรือพระที่นั่งชนกิ่งไม้ใหญ่หักตกลงไปในน้ำ


พันท้ายนรสิงห์รู้โทษดีว่า ความผิดครั้งนี้ถึงประหารชีวิตตามโบราณราชประเพณี ซึ่งกำหนดว่าถ้าผู้ใดถือท้ายเรือพระที่นั่งให้หัวเรือพระที่นั่งหัก ผู้นั้นถึงมรณะโทษให้ตัดศีรษะเสียจึงกราบทูลพระกรุณาน้อมรับโทษตามพระราชประเพณี สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ ทรงพิจารณาเห็นว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นการสุดวิสัยมิใช่ความประมาท จึงพระราชทานอภัยโทษให้ แต่พันท้ายนรสิงห์กราบบังคมยืนยันขอให้ตัดศีรษะตนเพื่อรักษาขนบธรรมเนียมในพระราชกำหนดกฎหมาย เป็นการป้องกันมิให้ผู้ใดครหาติเตียนพระเจ้าอยู่หัวได้ว่าทรงละเลยพระราชกำหนดของแผ่นดินและเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไป พระองค์ทรงโปรดให้ฝีพายทั้งปวงปั้นมูลดินเป็นรูปพันท้ายนรสิงห์ แล้วให้ตัดศีรษะรูปดินนั้นเพื่อเป็นการทดแทนกัน แต่พันท้ายนรสิงห์ยังบังคมกราบทูลยืนยันขอให้ประหารตน


แม้สมเด็จพระสรรเพชญ์ ที่ ๘ จะทรงอาลัยรักน้ำใจพันท้ายนรสิงห์เพียงใดก็ทรงจำพระทัยปฎิบัติตามพระราชกำหนด ดำรัสสั่งให้เพชฌฆาตประหารพันท้ายนรสิงห์แล้วโปรดให้ตั้งศาลสูงประมาณเพียงตา นำศีรษะพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระที่นั่งเอกไชยซึ่งหักนั้น ขึ้นพลีกรรมไว้ด้วยกันบนศาล แล้วทรงพระราชดำริว่าคลองโคกขามคดเคี้ยวนักไม่สะดวกต่อการเดินเรือ บางครั้งชาวเมืองต้องเดินเรืออ้อมเป็นที่ลำบากยิ่ง สมควรจะขุดลัดตัดตรง เมื่อขุดเสร็จจึงได้รับพระราชทานนามว่า "คลองสนามไชย" ต่อมาเปลี่ยนเป็น "คลองมหาชัย"ทั้งนี้เพื่อเป็นการรำลึกถึงพันท้ายนรสิงห์ข้าหลวงเดิมซึ่งเป็นคนซื่อสัตย์ มั่นคง ยอมเสียสละชีวิตโดยไม่ยอมเสียพระราชประเพณี กรมศิลปากรได้ดำเนินการจัดสร้างศาลพันท้ายนรสิงห์ขึ้น อยู่ถัดจากศาลเก่าที่พังลงไม่มากนัก โดยกันอาณาบริเวณรอบๆ ศาลไว้